วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

สุดเจ๋ง!! บังคับมะพร้าวธรรมดาๆ ให้เป็นมะพร้าวกะทิ ทำเองได้ 100 เปอร์เซ็นต์

มะพร้าวกะทิ หลายคนคงอาจจะรู้จักและเคยรับประทานกันมาบ้างนะครับ โดยมะพร้าวกะทินั้นเกิดจากผสมเกสรด้วยฝีมือมนุษย์ โดยวิธีการทำให้มะพร้าวเป็นกะทิ ก็มีหลากหลายทางด้วยกัน ซึ่งเกษตรกรหรือนักวิจัยจะมีแบบฉบับของแต่ละคน แต่วันนี้เราหยิบวิธีการทำมะพร้าวที่ธรรมดา ให้กลายเป็นมะพร้าวกะทิมาให้แฟนมติชนออนไลน์ได้นำไปทดลองทำกันดู
...ได้ ไม่ได้อย่างไร มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ

วิธีที่ 1 ทำมะพร้าวจากมะพร้าวพันธุ์อะไรก็ได้ ถ้าต้องการให้ลูกออกมาเป็นมะพร้าวกะทิ ก็เอาถุงพลาสติกหุ้มจั่น จั่นก็คือดอกมะพร้าว 1 จั่นคือ 1 ทะลาย จั่นไหนถูกห่อด้วยพลาสติก จั่นนั้นหรือทลายดอกนั้นมันจะพิการ

ทั้งนี้ จะต้องห่อตั่งแต่กลีบจั่นเริ่มแย้มบาน ห่อไปจนกระทั่งมีลูกขนาดลูกหมากจึงค่อยเอาออก? โดยทั่วไปมะพร้าวในทะลายที่ห่อจั่นประมาณ 80-90 % จะเป็นมะพร้าวกะทิ วิธีนี้เป็นการทำมะพร้าวกะทิแบบชั่วคราว มะพร้าวในทะลายอื่น ๆ ที่ไม่ได้ห่อจั่นจะไม่เป็นมะพร้าวกะทิ ข้อมูลของฟาร์มสุข สวนกระแส farmsuk Suangrasae

วิธีที่ 2 การทำมะพร้าวกะทิแบบถาวร ให้นำมะพร้าวที่เพาะไว้ ที่มีหน่อเหนือเปลือกขึ้นมาราว 30 ซม. แล้วใช้มีดตัดส่วนปลายตรงข้ามกับหน่อให้กะลาขาด จนเห็นเนื้อสีขาวและจาวสีเหลือง ภายในกะลามะพร้าวจากนั้นคว้านเอาจาวที่อยู่กลางกะลาออก เอาดินเหนียวอัดลงไปในกะลาแทนจาวจนเต็มและแน่นพอประมาณ สามารถนำไปปลูกได้ ?

มะพร้าวที่ทำวิธีนี้จะเป็นมะพร้าวกะทิประมาณ 50 % หากจะเพิ่มปริมาณ ก็สามารถทำได้โดยให้เอาผลมะพร้าวที่ไม่เป็นมะพร้าวกะทิมาเพาะแล้วทำวิธีการ เดียวกับที่กล่าวมานี้ ก็จะทำให้มะพร้าวในต้นใหม่เป็นมะพร้าวกะทิ ถึง 80 -90 % ทีเดียว มะพร้าวทุกพันธุ์สามารถทำมะพร้าวกะทิได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าใช้มะพร้าวน้ำหอม ทำมะพร้าวกะทิไม่ดีเพราะมีกลิ่นเหม็นหืน มะพร้าวที่ดีที่สุดในการทำมะพร้าวกะทิคือ มะพร้าวกลาง

“มะพร้าวกะทิ” ติดผลเป็นทะลายปล่อยให้ผลแก่คาต้นก่อน ตัดทะลายลงมา เอาผลแต่ละผลเขย่าฟังดูว่าถ้าไม่มีเสียงน้ำในผลดังกระฉอกเลย หมายถึงมะพร้าวผลนั้นเป็น “มะพร้าวกะทิ” อย่างแน่นอน ไม่ต้องปอกเปลือก หรือทุบ ดูเนื้อในทุกผลให้เสียเวลา ทำหรือฝึกบ่อยๆจึงจะชำนาญ ช่วงแรกอาจมีผิดบ้างเป็น ธรรมดา คนโบราณก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน

ส่วน วิธีผ่ารับประทาน คนเฒ่าคนแก่บอกเคล็ดลับว่า ถ้าต้องการให้เนื้อในของ “มะพร้าวกะทิ” ฟูหรือเหนียวแน่น อร่อย ต้องนวดก่อน โดยเอาผลที่ปอกเปลือกแล้วกระแทกกับพื้นปูนเบาๆรอบๆผลให้ทั่ว กะเวลาจนแน่ใจว่าพอแล้วจึงนำผลไปผ่าครึ่ง จะพบว่าเนื้อในฟูเป็นสีขาวคล้ายปุยฝ้าย ใช้ช้อนตักรับประทานได้เลย รสชาติหวานมันหอมอร่อยมาก

วิธีนี้ให้นำมะพร้าวที่เพาะไว้ ที่มีหน่อเหนือเปลือกขึ้นมาราว 30 ซม. แล้วใช้มีดตัดส่วนปลายตรงข้ามกับหน่อให้กะลาขาด จนเห็นเนื้อสีขาวและจาวสีเหลือง ภายในกะลามะพร้าวจากนั้นคว้านเอาจาวที่อยู่กลางกะลาออก เอาดินเหนียวอัดลงไปในกะลาแทนจาวจนเต็มและแน่นพอประมาณ สามารถนำไปปลูกได้

มะพร้าวที่ทำวิธีนี้จะเป็นมะพร้าวกะทิประมาณ 50 % หากจะเพิ่มปริมาณ ก็สามารถทำได้โดยให้เอาผลมะพร้าวที่ไม่เป็นมะพร้าวกะทิมาเพาะแล้วทำวิธีการ เดียวกับที่กล่าวมานี้ ก็จะทำให้มะพร้าวในต้นใหม่เป็นมะพร้าวกะทิ ถึง 80 -90 % ทีเดียว มะพร้าวทุกพันธุ์สามารถทำมะพร้าวกะทิได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าใช้มะพร้าวน้ำหอม ทำมะพร้าวกะทิไม่ดีเพราะมีกลิ่นเหม็นหืน มะพร้าวที่ดีที่สุดในการทำมะพร้าวกะทิคือ มะพร้าวกลาง      ที่มา : th

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เซียนหวยอย่าพลาด จดเลขด่วน!!! คลอดลูกบน Taxi เลขเด็ดเลขทะเบียน


        ข่าวหวยเด็ดของเรางวดนี้มีมาฝากให้ได้ติตดามกันอีกแล้วครับ ยังคงมีข่าวคราวที่น่าสนใจมาฝากให้ได้ติดตามหาเลขเด็ดกันอย่างต่อเนื่องเช่นเคย วันนี้เรามีข่าวมาฝากกันจากโลกโซเชี่ยลอีกแล้วเป็นข่าวเกี่ยวกับสาวคลอดลูกบนรถแท็กซี่ งานนี้ไม่พลาดเล็งเลขเด็ดทะเบียนกันคึกคัก



      เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมาในกลุ่มเฟชบุ๊ค หวยเด็ด เลขเด็ดงวดนี้ ผู้ใช้ที่ชื่อว่าคุณสุรศักดิ์ ปัจฉิมานนท์ ได้แชร์ชุดภาพรถแท็กซี่หมายเลขทะเบียน มช 8277 กทม.  ที่มีหญิงสาวรายหนึ่งคลอดลูกอยู่ด้านในรถ โดยจากข้อมูลที่คุณสุรศักดิ์ระบุไว้นั้นบอกว่า “เมื่อเวลา 08.30 ได้รับแจ้ง ร่วมด้วยธน147 ว10 คลองบางแค หน้าคอนโดลุมพินี ว4 ร่วม รถ. กู้ชีพ ทหารเรือให้การช่วยเหลือ หญิงคลอดบุตรใน รถสาธารณะ. หญิงดังกล่าวได้คลอดทารก เพศชาย รถกู้ชีพทหารเรือนำส่ง รพ เพรชเกษม 2 เขต สน เพรชเกษม”

เซียนหวยอย่าพลาด จดเลขด่วน!!!  คลอดลูกบน Taxi เลขเด็ดเลขทะเบียน

     ทั้งนี้ข่าวการคลอดลูกบนรถนี้นับเป็นข่าวที่ 2 แล้วที่เราได้เห็นกันในงวดนี้ครับ โดยก่อนหน้านี้มีสาวคลอดลูกบนรถกระซึ่งเราได้นำมาฝากกันไปก่อนหน้านี้ และข่าวล่าสุดนี้ก็ได้เลขเด็ดทะเบียนรถเป็นเลข 8277 ใครสนใจก็ลองเอาไปเสี่ยงโชคกันดูก็แล้วกันน่ะครับ ยิ่งข่าวนี้บอกว่าเป็นเด็กเพศชายเขาว่าแม่นยิ่งนัก ใครอยากพิสูจน์ก็จัดกันไปเลย

เซียนหวยอย่าพลาด จดเลขด่วน!!!  คลอดลูกบน Taxi เลขเด็ดเลขทะเบียน

อย่างไรก็ตามเรื่องราวเหล่านี้นั้นเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญานในการรับชมและตัดสินใจร่วมด้วยก็แล้วกันน่ะครับ แต่ยังไงงวดนี้เว็บไซต์ที่สุดในโลกก็ยังคงเอาใจช่วยและอวยพรให้พี่น้องทุกท่านถูกหวยงวดนี้กันถ้วนหน้าทุกคนเช่นเคยครับ

ที่มา: ที่สุดในโลก.com

555++ ขอฮา แฟล๊บ !!!



cr: Best Funny Vedio

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

′บิ๊กตู่′ ใช้ม.44เด้ง71ขรก. ปลัดทท.-อธิบดี-อธิการยันผอ.รพ.-ร.ร. ′เอ๋-ชนม์สวัสดิ์′-เลขาฯสปสช. โดนด้วย




วันที่ 25 มิถุนายน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๕๘

เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น

ตาม ที่มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่๑๖/๒๕๕๘เรื่องมาตรการแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตรากำลัง ชั่วคราวลงวันที่๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ นั้น โดยที่ต่อมาหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบได้เสนอรายงานเกี่ยวกับเจ้า หน้าที่ของรัฐเพิ่มเติม จึงจำเป็นต้องประกาศรายชื่อบุคคลเพิ่มเติม ตามความในข้อ ๕ ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ ประกอบกับจำเป็นต้องแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการบางตำแหน่งเพื่อปรับปรุง ประสิทธิภาพของงานอันเป็นประโยชน์ในการปฏิรูปราชการแผ่นดิน

อาศัย อำนาจตามความในมาตรา๔๔ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว)พุทธ ศักราช๒๕๕๗หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

๑. ให้นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ สำนักนายกรัฐมนตรี

๒. ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๑ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่ว คราวและไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งประจำสำนักงานปลัดกระทรวงที่สังกัดโดยไม่ ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมและให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีเจ้า สังกัดมอบหมายทั้งนี้นายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งให้ผู้นั้นไปปฏิบัติหน้าที่ใน ส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐเป็นการชั่วคราวก็ได้

๓.ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่๒กลุ่มที่๓และกลุ่มที่๔ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ระงับการปฏิบัติราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำรงตำแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน

๔.ให้ ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่๕ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ไปช่วยราชการที่ศาลากลาง จังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นตาม ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดแต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้ นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิมโดยไม่ต้องมีคำร้องขอและให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอำนาจมอบหมายให้ ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม

ในกรณีนี้มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับ เงินประจำตำแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราวตาม ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ ท้องถิ่นพ.ศ.๒๕๕๕อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคำสั่งนี้

๕.นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี อาจมีคำสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลงคำสั่งตามข้อ ๑ ถึงข้อ ๕ ได้ตามที่เห็นสมควร

คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่งณวันที่๒๕มิถุนายนพุทธศักราช๒๕๕๘

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

บัญชีแนบท้ายคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๑๙/๒๕๕๘
---------------------------------
กลุ่มที่ ๑ ข้าราชการ (๒๑ ราย)

๑. นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

๒. นายไชยวัฒน์ พันธ์นรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร กระทรวงมหาดไทย

๓. นายรังสรรค์ มณีเล็ก รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

๔. นายศุภชัย สมัปปิโต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กระทรวงศึกษาธิการ


๕. นายวินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข

๖. นายชัยรัตน์ กรรณิการ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานคดีศาลสูงภาค ๘ สำนักงานอัยการสูงสุด

๗. พันตำรวจเอก นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม

๘. นางพัชณีย์ ยงยอด ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาบริการท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

๙. นายศุภยุทธ สาครบุตร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านยุทธศาสตร์พลังงาน กระทรวงพลังงาน

๑๐.นายสุทธิ ศิลมัย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

๑๑.นายชูศักดิ์ ตั้งศิริไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดปราจีนบุรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

๑๒.นายสมพร ดำนุ้ย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุดรธานี กรมชลประทานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

๑๓.นายยุทธนา นวมะชิติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสตูล กรมชลประทานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

๑๔.นายชัยฤกษ์ เมษสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักทางหลวงที่ ๑๖ จังหวัดนครศรีธรรมราชกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม

๑๕.นายธงชัย จินตนาวงศ์ วิศวกรใหญ่ด้านบำรุงรักษา กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม

๑๖.นายสุใหญ่ หลิ่มโตประเสริฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ กระทรวงสาธารณสุข

๑๗.นายปรีชา วงศ์ศิลารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลา กระทรวงสาธารณสุข

๑๘.นางพิมพ์มาส รังสรรค์สฤษดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ๒ จังหวัดสงขลา กระทรวงศึกษาธิการ

๑๙.นายนิวัจน์ พิมเสน ผู้อำนวยการโรงเรียนนิคม ซอย ๑๐ จังหวัดสตูล กระทรวงศึกษาธิการ

๒๐.นายเอกชัย ปานเม่น ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกวิชาชีพกาญจนบุรี “สามสงฆ์ทรงพระคุณ” กระทรวงศึกษาธิการ

๒๑. นายกิตติ โกมลกุลพัทธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาไก่นาคำน้อยวิทยา อำเภอสุวรรณคูหา(ภูดอนนาง) จังหวัดหนองบัวลำภู กระทรวงศึกษาธิการ

กลุ่มที่ ๒ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (จำนวน ๗ ราย)

๑. นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ

๒. นายพรชัย โควสุรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี

๓. นายยุทธนา ศรีตะบุตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย

๔. นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต

๕. นายสถิรพร นาคสุข นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร

๖. นายสมชอบ นิติพจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม

๗. นางสุนี สมมี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง

กลุ่มที่ ๓ นายกและรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (จำนวน ๑๗ ราย)

๑. นายสนิท วรกิจ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท้ายเมืองอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา

๒. นายประพจน์ เพียรพิทักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองน้ำไหลอำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร

๓. นายสุมิตร สากาลี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีบุญเรือง อำเภอชนบทจังหวัดขอนแก่น

๔. นายณรงค์ ถาวร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองจิก อำเภอคีรีมาศจังหวัดสุโขทัย

๕. นายสมเกียรติ บรรพบุรุษ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลราษฎร์นิยม อำเภอไทรน้อยจังหวัดนนทบุรี

๖. นายสมพงษ์ รอดดารา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางโทรัด อำเภอเมืองจังหวัดสมุทรสาคร

๗. นายนิวัฒน์ วัฒนเวศวิทย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่นาวาง อำเภอแม่อายจังหวัดเชียงใหม่

๘. นายเสรี ทิจินะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโป่งผา อำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย

๙. นายสมาน ดาหมาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลย่านซื่อ อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล

๑๐. นายประภัย เพ็ชร์สุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา

๑๑. นายแซน กมุทชาติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบุ่ง อำเภอเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ

๑๒. นายธงชัย ดอกไม้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนเมย อำเภอเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ

๑๓.นายเวชยันต์ สิงห์ขันธ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแก้ว อำเภอหัวตะพานจังหวัดอำนาจเจริญ

๑๔.นายพงษ์สวรรค์ สถาธรรม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหล่อยูง อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา

๑๕. นายวัฒนา ภูเกิดพิมพ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาดจังหวัดกาฬสินธุ์

๑๖. นายสมชาย ลานทอง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลไทรน้อย อำเภอไทรน้อยจังหวัดนนทบุรี

๑๗. นายวิรัตน์ วัฒนสุข รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีบุญเรือง อำเภอชนบทจังหวัดขอนแก่น

กลุ่มที่ ๔ นายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล (จำนวน ๑๘ ราย)

๑. นายจำรัส อินใจ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่ข่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่

๒. นายลำพอง นามพันธ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองพิมลราช อำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรี

๓. นายภูษิต คงเดิม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่านา อำเภอกะปง จังหวัดพังงา

๔. นายบุญเลิศ ต่างสี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสระโบสถ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี

๕. นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีเทศบาลนครตรัง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง

๖. นายประพัฒน์ ริ้วทองชุ่ม นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครปฐม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม

๗. นายวิทยา อุ่นคำ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบุญเรือง อำเภอเชียงของจังหวัดเชียงราย

๘. นายนัฏฐชัย มูลนาม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหมอม้า อำเภอเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ

๙. นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแพร่ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่

๑๐. นางสาวสาวิตรี สิทธิธรรม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอุบล อำเภอเมืองจังหวัดอุบลราชธานี

๑๑. นายปิยะชัย โชติวุฒิมนตรี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเวินพระบาท อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม

๑๒. นายประดิษฐ์ วณีสอน นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองตองพัฒนา อำเภอหางดงจังหวัดเชียงใหม่

๑๓. นายพุฑฒิพงษ์ ฤาชัย นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน

๑๔. นางสาวลาเคละ จะทอ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

๑๕. นายเกรียงไกร ไกรทอง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

๑๖. นายบุญเกื้อ พากเพียรศิลป์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปราจีนบุรี อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี

๑๗. นายสาร สมรักษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนายม อำเภอเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ

๑๘.นายสมศักดิ์ ธรรมเมธาพร สมาชิกสภาเทศบาลตำบลวังเย็น ตำบลวังเย็น จังหวัดฉะเชิงเทรา

กลุ่มที่ ๕ ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (จำนวน ๗ ราย)

๑. นายสายัณห์ รักษนาเวศ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการออำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

๒. นางสาวกาญจนา ทาโบราณ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลศรีบุญเรือง อำเภอชนบทจังหวัดขอนแก่น

๓. นางอรชา พัฒนศุภสุนทร ปลัดเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

๔. นายประดิษฐ์ นามลักษณ์ ปลัดเทศบาลตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

๕. นายสุรศักดิ์ ปรีชาผล ผู้อำนวยการกองคลัง องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ

๖. นายนิพนธ์ บุณยเกียรติ ผู้อำนวยการกองแผนและงบประมาณ องค์การส่วนจังหวัดสมุทรปราการ

๗. นายวิชัย จันทร์จำรูญ ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ

ที่มา: matichon.co.th

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เหตุการณ์ระทึกขวัญ กับเพดานโรงหนังถล่ม


เกิดอุบัติเหตุเพดานโรงภาพยนตร์ถล่มในเมืองเซบู (Cebu) ของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งโรงภาพยนตร์ดังกล่าวอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าอยาลา เซ็นเตอร์ เซบู (Ayala Center Cebu) จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน 

รายงานข่าวระบุว่า ก่อนเกิดเหตุนั้นพนักงานของบริษัท Australia-based company Dreamscape บริษัทผู้ให้บริการด้านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงแขกคนอื่นๆประมาณ 300 คน กำลังร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ภายในโรงภาพยนตร์ แต่จู่ๆก็เกิดเหตุการณ์เพดานพังถล่มลงมาจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

       สำหรับสาเหตุของอุบัติเหตุเพดานถล่มในครั้งนี้คาดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากท่อน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบนของเพดานเกิดระเบิดขึ้น จากนั้นน้ำก็ไหลออกมาจนเพดานจะรับน้ำหนักไม่ไหวและถล่มลงมาในที่สุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการอพยพคนออกนอกพื้นที่ พร้อมกับเร่งค้นหาผู้ได้รับบาดเจ็บรายอื่นๆที่อาจติดอยู่ภายในอย่างเร่งด่วน

ที่มา: goosiam.com

ร้องไห้หนักมาก! หนุ่มพม่าถูกหวยนับแสน แวะนั่งนับเงิน แต่ถูกตำรวจเจอสิ่งนี้ ถึงกับน็อค







หนุ่มเมียนมาดวงเฮง ถูกหวยใต้ดินเต็งโต๊ด รับเละเกือบแสนบาท แต่เหมือนกรรมบัง ตำรวจผ่านมาเห็นนั่งนับเงินเป็นฟ้อน เจอค้นพบโพยหวยอื้อ สุดท้ายถูกยึดของกลางเอาไว้ก่อน

 เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (17 มิ.ย.) พ.ต.ท.สุวิจักขณ์ เรืองนวมดี สารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรศรีราชา จ.ชลบุรี ได้ออกตรวจพื้นที่ กระทั่งพบชายชาวเมียนมา กำลังนั่งนับเงินก้อนหนึ่งอย่างมีพิรุธ จึงได้ขอเข้าตรวจสอบ ปรากฎว่าพบเงินสดและทองคำ รวมทั้งโพยหวยใต้ดินจำนวนหนึ่ง จึงได้เชิญมาสอบสวนเพิ่มเติม
จากการสอบสวนทราบว่า ชายคนดังกล่าวคือ นายออง อายุ 33 ปี เป็นลูกจ้างร้านขายอาหารทะเลแห่งหนึ่ง นายออง ให้การว่า เมื่อวันออกสลากกินแบ่งฯ งวดล่าสุด ได้ซื้อหวยใต้ดินกับแม่ค้าในตลาดศรีราชา เลข 742 ทำให้ถูกรางวัลแบบ 3 ตัวตรง เต็งโต๊ด 200 คูณ 100 บาท ได้เงินรางวัลเกือบหนึ่งแสนบาท
นายออง ยังเล่าอีกว่า หลังจากไปรับเงินรางวัลก็นำเอาเงินก้อนหนึ่งส่งกลับไปให้พ่อแม่ที่ประเทศ บ้านเกิด ก่อนจะนำเงินอีกก้อนไปซื้อสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือทองคำ และแหวนทองคำ มาเก็บไว้ ระหว่างทางกลับเข้าที่พัก จึงแวะที่หน้าโรงเจศรีราชา เพื่อนั่งนับเงินก้อนที่เหลือ เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านมาตรวจพื้นที่พอดี จึงถูกขอตรวจค้นดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดของกลางเอาไว้ทั้งหมดก่อน ซึ่งรอภายหลังจากที่ศาลสั่งเปรียบเทียบปรับ จึงจะส่งขอกลางคืนให้ทั้งหมดในภายหลังต่อไป
ที่มา : bigza.com

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

พบโครงกระดูกปริศนา คล้ายมนุษย์ แต่เล็กจิ๋วกว่าเด็กทารก นักวิทยาศาสตร์โยงเป็นเอเลี่ยน!

ตะลึง!! พบโครงกระดูกปริศนา คล้ายมนุษย์ แต่เล็กจิ๋วกว่าเด็กทารก
นักวิทยาศาสตร์โยงเป็นเอเลี่ยน!!
ความเชื่อ เรื่องมนุษย์ต่างดาว เป็นสิ่งที่หลายคนยังสงสัยมานานและ
โลกก็ยังรอการพิสูจน์อยู่ ว่าดาวดวงอื่นนอกจากโลกใบนี้ของเรา
จะมีสิ่งมีชีวิตที่อาศัยกันอยู่เต็มดาวแบบโลกของเราไหม?
แล้วพวกเขาจะมีลักษณะที่เหมือนเราไหม?
ยังคงเป็นข้อสงสัยให้ได้หาคำตอบ
แต่นี่ คือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า
เป็นหลักฐานชิ้นแรกที่จับต้องได้ เกี่ยวกับการมีตัวตนของมนุษย์ต่างดาวบนโลกใบนี้
เมื่อพวกเขาค้นพบโครงกระดูกจิ๋ว มันเล็กมาก มีขนาดแค่ 6 นิ้ว
เล็กกว่าทารกในครรภ์ แต่มีศีรษะที่ใหญ่กว่าตัว



ขอบคุณภาพจาก wittyfeed



มื่อนักวิทยาศาสตร์นำไปเอ็กซเรย์ พบว่า
คล้ายคลึงกับมนุษย์มาก แต่ก็ไม่เหมือนไปซะทุกส่วน



ด้วยขนาดที่เล็กมากทำให้เกิดข้อสันนิษฐานขึ้นมากมาย
ว่าอาจจะเป็นเด็กทารกที่ถูกทำแท้ง
หรืออาจจะเป็นซากของมนุษย์ต่างดาวบนโลก
ยังคงเป็นสิ่งที่รอการพิสูจน์กันต่อไป

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

น่ายกย่อง! สาวคนนี้ยอมลุยน้ำเน่าๆ เพื่อไปช่วยสิ่งมีชีวิตเล็กๆ [ชมคลิป]


 ในยุคที่มนุษย์แทบทุกคนต่างเห็นแก่ตัว มองข้ามสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ตัวเองว่าเป็นสิ่งไร้ค่า ซึ่งมันเป็นภาพที่น่าเสียใจไม่น้อยเลยนะคะ ทั้งนี้สาวน้อยรายหนึ่งก็ได้ลุกขึ้นมาทำบางสิ่ง ทำเอา Boxza รู้เลยว่า มนุษย์ใจดีมีเมตตายังคงเหลืออยู่

          เพราะเธอยอมลุยข้ามคลองน้ำเน่า เพื่อไปช่วยลูกสุนัขตัวเล็กๆที่พลัดตกลงมาริมตลิ่ง และแน่นอนว่ามันไม่สามารถขึ้นไปเองได้ เนื่องจากทั้งสูง และติดโคลนอย่างหนัก และถ้าเธอคนนี้ไม่เสียสละ เจ้าตูบตาดำๆคงไม่มีโอกาสได้เติบโต 


เลว! สาวลูกครึ่งเข้าแจ้งความ ถูกอดีตแฟนรุมโทรม อัดคลิปขู่


นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 21 เมษายน พ.ต.อ.วีระพันธ์ ทันใจ รอง ผบก.สส.ภาค 3 พร้อม พ.ต.อ ณรงค์ เสวก ผกก.สส. 1 บก.สส.ภาค 3 พ.ต.ท สุทิน หวังกลับ รอง ผกก.สส.สภ.ครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา และ ร.ท พีรศักดิ์ ใจภักดี ปฏิบัติการหัวหน้าชุดกองพันทหารราบที่ 1 มณฑลทหารบกที่ 21 (พัน.ร.มทบ.21) กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2 ) ค่ายสุรนารี สนธิกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 214 บ้านนาราก หมู่ 2 ต.อรพิมพ์ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
ตามที่ญาติของน.ส.แหม่ม (นามสมมติ) อายุ 19 ปี สาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ได้แจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษนายณัฐพล อายุ 23 ปี พร้อมพวก ได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ลักษณะโทรมหญิง พร้อมใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปในขณะก่อเหตุ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ต้องนอนพักรักษาตัวที่ โรงพยาบาลครบุรี เบื้องต้นแพทย์ ระบุผลตรวจร่างกายพบร่องรอยแดงช้ำบริเวณลำคอ เต้านม ขาขวา 10 แห่ง รอยถลอกบริเวณแก้มซ้ายยาว 4 เซนติเมตร และช่องคลอด ทวารหนัก มีร่องรอยฟกช้ำ
พ.ต.อ.ณรงค์ เสวก ผกก.สส.1 บก.สส.ภาค 3 เปิดเผยพฤติการณ์ของคดีว่า ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ท. พิสัณห์ จุลดิลก ผบช.ภาค.3 ให้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายณัฐพล ผู้ต้องหา เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม หลังผู้ก่อเหตุและพวก ได้ข่มขู่ ขอมีเพศสัมพันธ์ มิเช่นนั้นจะนำคลิปภาพเคลื่อนไหวในขณะมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายแชร์ในโลกออนไลน์ พบคลิปในโทรศัพท์มือถือ มีภาพเคลื่อนไหวในขณะร่วมเพศกับหญิงสาว 5 ราย ซึ่งมีน.ส.แหม่ม เป็นหนึ่งในผู้เสียหายด้วย
หลังสอบปากคำและลงบันทึกประจำวัน ได้ให้กลับบ้านโดยไม่ได้ควบคุมตัว เนื่องจากเมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้เดินทางมามอบตัวกับ พ.ต.ต สมดี บุตรวงษ์ พนักงานสอบสวน สภ.ครบุรี จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างผู้เสียหายสมัครใจเอง พิเคราะห์ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
จากการสอบปากคำนายณัฐพล ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังในจังหวัดนครราชสีมา ให้การว่า เมื่อประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมา ได้เคยคบหาน.ส.แหม่ม และมีเพศสัมพันธ์กันหลายครั้ง จนกระทั่งได้เลิกรากัน ต่อมา น.ส.แหม่มได้คบกับชายคนอื่น แต่นายณัฐพล ไม่ยอมเลิก แอบติดต่อผ่านทางไลน์ เพื่อขอมีเพศสัมพันธ์ โดยส่งคลิปที่เคยถ่ายเก็บเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือมาข่มขู่ หากไม่ยอมให้หลับนอน จะแชร์คลิปประจาน
น.ส.แหม่มจึงต้องหลับนอนกับนายณัฐพล ตามที่อ้างว่า หากให้มีเพศสัมพันธ์จะลบคลิปทิ้ง แต่ไม่เคยทำตามสัญญา เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 11 เม.ย. นายณัฐพล ได้ส่งข้อความผ่านทางไลน์ ขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย จึงจำใจไปหาตามสถานที่นัดหมาย พบนายณัฐพล กำลังนั่งกินเบียร์กับเพื่อนชาย 4 คน ที่หน้าบ้านพัก น.ส.แหม่มอ้างมีอาการมึนเมา หลังจากกินเบียร์ ได้ถูกนายณัฐพล ร่วมเพศที่ห้องนอน พร้อมถูกผู้ชายอีกหลายคนร่วมเพศทั้งอวัยวะเพศและทวารหนัก ทำให้ต้องเข้ารักษาบาดแผลที่ถูกกระทำชำเรา
ต่อมาญาติ ของน.ส.แหม่ม ทราบเหตุร้าย จึงได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ และร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านหลายช่องทาง ผู้บังคับบัญชา จึงมีคำสั่งให้หาพยาน หลักฐาน เพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้เข็ดหลาบ ตามที่มีการกล่าวหา ระบุเป็นการโทรมหญิงและถ่ายคลิปไว้ ซึ่งเป็นพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคม


ดาราปี๊ดแตก! หลังมีหนุ่มสักลายก่อกวน ไอจี ตลอด 4 ปี มาดูข้อความที่เธอระบายลง ไอจี

 เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 เมษายน ) "อุ๊งอิ๊ง"แพทองธาร ชินวัตร โพสต์ภาพเเละข้อความในอินสตาแกรมสุดเดือด หลังชายแปลกหน้ารายหนึ่ง ก่อกวนมาตลอด 4 ปี ทั้งที่ตนเองพยายามบล็อคไปหลายสิบครั้ง เเต่ก็สร้างชื่อบัญชีผู้ใช้ใหม่เข้ามาติดตามอยู่ตลอด


 ทั้งนี้ การก่อกวนดังกล่าวนั้น ออกไปในทำนองคุกคามทางเพศ ทั้งบอกชอบ แถมมโนไปไกลอีกว่ากำลังงอนกันบ้าง โกรธกันอยู่บ้าง อีกทั้งยังแทคไปที่พี่สาว  "เอม พิณทองทา" ว่ากำลังง้ออิ๊งอยู่ และส่งข้อความไปในเฟซบุ๊กหา "โอ๊ค พานทองแท้" ว่า ให้อิ๊งหายโกรธ และที่หนักสุดคือ "ฝันว่า มีอะไรกับอิ๊ง"


 โดยอุ๊งอิ๊ง พยายามบอกให้เลิกพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะรู้สึกว่านี่คือการคุกคามกันและขอให้ออกไปจากชีวิต ส่วนบรรดาผู้ที่ติดตามไอจีอุ๊งอิ๊งนั้นถึงขั้นเเนะนำให้ไปเเจ้งความ






ไขปหริศนา! ไฟไหม้บ้าน 112 ครั้ง ใน 1 เดือน เกิดขึ้นขณะไปตรวจสอบ


พัทลุง - คืบไฟไหม้กลางอากาศปริศนา ภายในบ้านผู้เฒ่าเมืองลุงวัย 63 ปี ล่าสุด วันนี้ตั้งแต่เช้าถึงบ่ายเกิดไฟไหม้ขึ้นทั้งหมด 13 ครั้ง ส่วนใหญ่ไหม้ผ้าที่ชื้น และภาชนะพลาสติก เผยขณะนี้ไฟไหม้รวมทั้งหมดแล้วกว่า 144 ครั้ง ด้านเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าลงพื้นที่เร่งตรวจสอบหาสาเหตุ เชื่อเกิดจากสารบางอย่างทำปฏิกิริยากัน 






  วันนี้ (21 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ไฟไหม้ไฟลุกไหม้อย่างปริศนากลางอากาศภายในบ้านบ้านเลขที่ 144 ม.6 ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ซึ่งเป็นบ้านของนายล้อม ศักดิ์หวาน อายุ 63 ปี ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุด ในวันนี้จนถึงบ่ายโมง ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นมาทั้งหมด 13 ครั้ง โดยครั้งแรกที่ไหม้ในวันนี้ช่วงเช้าเวลา 06.45 น. และช่วงบ่ายตอน 12.45 น.ส่วนใหญ่ที่ไฟไหม้เป็นผ้าที่ชื้น ภาชนะพลาสติก และจากวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นภายในบ้านกว่า 144 ครั้งแล้ว
       
       ขณะที่วันนี้เจ้าหน้าที่ไฟฟ้า อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ได้ลงพื้นที่เพื่อวัดกระแสไฟรอบบ้านเพื่อตรวจสอบดูว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วจนเป็นสาเหตุหรือไม่ แต่จากการตรวจสอบไม่พบกระแสไฟฟ้าที่เป็นสาเหตุแต่อย่างใด และในเวลาเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 434 พัทลุง ได้นำเครื่องนอน ผ้าห่ม เสื้อผ้าเข้าช่วยเหลือครอบครัวลุงล้อม เพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้นแล้วเช่นกัน หลังจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ไฟได้ไหม้เสียหายเกือบทั้งหมด 



 ด้าน นายทศพล สวัสดิสุข นายอำเภอตะโหมด จ.พัทลุง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมกล่าวต่อผู้สื่อข่าวเบื้องต้นว่า สาเหตุที่แท้จริงยังไม่แน่ชัด เพราะทางกรมทรัพยากรธรณียังไม่ส่งผลพิสูจน์ตัวอย่างของดิน และสาเหตุมาให้ แต่จากการคาดการ และการสันนิษฐานของนักวิชาการคาดว่าสาเหตุของการเกิดไฟลุกไหม้นั้นน่าจะมีการทำปฏิกิริยาอะไรของสารบางอย่าง เพราะเชื่อว่าใต้ดินที่บ้านสร้างอยู่นั้นน่าจะเป็นสายแร่ เมื่อเกิดระเหยขึ้นมาทำปฏิกิริยากับความชื้นอาจเป็นสาเหตุก็เป็นได้ แต่ต้องรอรายงานการสรุปของเจ้าหน้าที่อีกครั้ง และเบื้องต้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ เทศบาล ผู้ใหญ่บ้าน เข้าดู และเฝ้าระวังบ้านดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
       
       ขณะที่ญาติกำลังรอผลจากกรมทรัพยากรธรณี เพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ระหว่างรอก็ได้เชิญหมอทำพิธีไสยาศาสตร์เพื่อแก้เคล็ดไปเรื่อยๆ โดยการพรมน้ำมนต์ และปัดรังควานออกไป 

โผล่อีกราย! คนขับคัมรี่ป้ายแดงปาดหน้า-พกปืน ทุบรถคู่กรณีกลางถนน [ชมคลิป]


 เป็นอีกคลิปที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในตอนนี้ เมื่อมีผู้คนแชร์คลิปที่ชื่อว่า "รถแพง .. ตราสีทอง .. ปืน .. เหนือกฏหมาย ...??" ในยูทูป ระบุว่า "ขอแรงช่วยกันแชร์คลิปนี้ไปให้สุดทีนะครับ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้กับใครอีก

 Toyota Camry สีบรอนเงินครับ ป้ายแดง ผมไม่มั่นใจว่าป้ายแท้ หรือปลอม แต่ผมเชื่อว่า จะต้องหากันจนเจอจนได้ ทะเบียน น .... กรุงเทพมหานคร"

 ในคลิปเป็นผู้ชายขับรถเก๋งมากับผู้หญิงอีกคน ปรากฏว่ามีรถเก๋งคัมรี่ ป้ายแดง ขับปาดหน้าให้จอด จากนั้นชายคนขับคัมรี่ก็เดินลงจากรถ มาทุบรถเก๋งคู่กรณี ทั้งใช้รองเท้าทุบ มือทุบ เตะใส่รถ ด้วยความโกรธแค้น ซึ่งชายหญิงในรถคู่กรณีล็อกรถไว้ตลอดแล้วถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน โดยบอกกับชายคนขับคัมรี่ว่า"เดี๋ยวไปเจอกันที่โรงพัก"ก่อนขับรถออกไปทันที 

 อย่างไรก็ตาม ในคลิปไม่ได้บอกถึงสาเหตุที่เกิดการระเบิดอารมณ์ของคนขับคัมรี่ว่ามาจากเรื่องอะไร 

 ต่อมามีคนโพสต์ชี้แจงว่า "เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าของคลิป เขากำลังขับรถกลับที่พัก ผ่านเส้นทางบรม และได้เจอคนๆนี้ กำลังเปิดกระจกสูบบุหรี่อยู่ และขับรถกินเลนมาทางขวา ผมเลยชะลอรถให้นิดนึง แต่เขาก็ไม่เข้าเลนซักที ผมเลยตัดสินใจเร่งเครื่องไป

 แต่พอผมเร่งเครื่อง เขากลับพยายามเปิดไฟเบียดเข้า แต่ผมไม่ยอม เนื่องจาก เขาไม่สื่อสาร และขับรถไม่เกรงใจเพื่อนร่วมถนน ก็เลยอดเลนนั้นไป จึงไม่พอใจ เริ่มจากแซงหน้าผม และกระทืบเบรคใส่ก่อน จนรถข้างหลังผมสองคันถัดไป ชนกัน แต่ผมไหวตัวทัน จึงตัดสินใจไปต่อ และพยายามเก็บหลักฐานคนๆนี้ให้ได้ 


 หลังจากนั้น เขายังไม่จบ จอดรถขวางผม และพกปืนไว้ข้างหลังลงมาพยายามทำร้ายผมครับ แต่ว่าทำไม่ได้ จึงทำลายทรัพย์สินแทนครับ หรืออาจถึงพยายามฆ่าเลยครับ เพราะพกปืนมาด้วย"




หากคุณร้อนเราช่วยได้! 7 วิธี คลายร้อน นอนหลับสบาย ช่วยคุณได้แน่นอน


อากาศร้อนๆ อย่างนี้ นอกจากจะเสียเหงื่อและยังทำให้เราหงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี เวลานอนก็แสนจะยากเย็นเพราะอากาศที่ร้อนเหลือคณา ถ้าบ้านไหนมีแอร์ให้เย็นกายชื่นฉ่ำใจก็โชคดีไป แต่พอถึงสิ้นเดือนก็แทบสิ้นใจ เพราะค่าไฟคงมาแรงแซงทางโค้งเป็นแน่ เราจึงได้คิดค้นหาวิธีที่จะทำให้คุณเย็นโดยไม่พึ่งแอร์ ประหยัดไฟยิ่งกว่าเบอร์ 5 ส่วนคนไหนงบน้อยมีแต่ “แฟน” แต่ไม่มี “แอร์” ก็ไม่เป็นไร วิธีนี้รับรองไม่ร้อนนอนสบาย ค่าไฟไม่ขึ้นแน่นนอน 
 
        1.ทำตัวให้เย็น
       
       • ดื่มน้ำบ่อยๆ จะช่วยทำให้ร่างกายของคุณเย็นขึ้น พยายามดื่มน้ำทุกๆ ชั่วโมงอย่างน้อย 8 ออนซ์ อาจจะเพิ่มใบสะระแหน่ เปลือกส้ม มะนาว ลงไปในน้ำจะช่วยให้สดชื่นขึ้น
       
       • แช่ข้อมือของคุณในน้ำเย็น ข้างละ 10 วินาที โดยวิธีนี้จะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายของคุณได้ประมาณ 10 ชั่วโมง
       
       • แช่เท้าของคุณในถังน้ำเย็น ความเย็นจะแผ่กระจายไปยัง มือ เท้า ใบหน้า และหู เพื่อระบายความร้อน
       
       2.ใส่เสื้อผ้า (หรือไม่ใส่) แล้วแต่สถานการณ์คลายร้อน
       
       “ไม่ใส่เสื้อผ้า” ถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์และสถานที่ที่สามารถ นุ่งน้อยห่มได้ อย่ารอช้า เพราะการใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นหรือไม่ใส่อะไรเลย จะช่วยให้คุณรู้สึกเย็นสบายได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ร้อนมากไม่ใส่อะไรเลย ร้อนน้อยหน่อย ใส่เป็นชุดว่ายน้ำหรือชุดชั้นในอยู่บ้าน ก็ไม่ว่ากัน เย็นสบายอย่าบอกใคร
       
       เคล็ดลับสำหรับการเลือกเสื้อผ้าสำหรับหน้าร้อน ควรเป็นเสื้อผ้าที่ผลิตจากใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าลินิน จำทำให้คุณรู้สึกเย็นขึ้นกว่าผ้าที่ทำมาจากใยสังเคราะห์ และควรสวมเสื้อผ้าสีอ่อนๆ เพราะเสื้อผ้าสีเข้ม จะดูดแสงและเก็บความร้อนได้ดีกว่า แนะนำให้สวมเสื้อผ้าสีขาว เพราะจะช่วยสะท้อนแสงได้ดีที่สุด รวมทั้งไม่เก็บความร้อนอีกด้วย
       
       3.ทำความเย็นโดยไม่พึ่งแอร์
       
       เริ่มต้นด้วยการนำภาชนะใส่น้ำไปแช่ช่องฟรีซให้แข็ง จากนั้น นำน้ำแข็งที่ได้มาใส่ภาชนะใบใหญ่ ตั้งไว้หน้าพัดลม ไอเย็นจากน้ำแข็งกำลังละลายจะทำให้คุณเย็นสบายคล้ายแอร์เลยทีเดียว นอกจากนั้น น้ำแข็งที่ละลายแล้วคุณยังสามารถนำมารีไซเคิลไปแช่แข็งได้ใหม่ ประหยัดทั้งไฟ ประหยัดทั้งน้ำ แบบนี้ไม่รักไม่ได้แล้ว
       
       ฟังก์ชั่นนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแอร์คุณได้ด้วย ไม่ให้แอร์ของคุณทำงานหนักจนเกินไป และความเย็นที่ได้ไม่เย็นเจี๊ยบชื่นใจเหมือนการเปิดแอร์ 13 องศา อย่างแน่นอน แต่เป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้คุณเย็นขึ้นโดยไม่อาศัยแอร์นั่นเอง 



 4.หมอนเย็น
       
       ตัวช่วยแรกที่เราขอแนะนำสำหรับการทำ “หมอนเย็น” นั่นก็คือ “แผ่นรองหมอนเย็น” ที่จะมอบความเย็นสดชื่น จากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว เพียงวางรองบนหมอนตอนเข้านอน แผ่นเจลจะค่อยๆ ดูดซับและถ่ายเทความร้อนจากร่างกาย ทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง เย็นสบาย และนอนหลับได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
       
       วิธีที่สอง เอาหมอนใบเล็กๆ ไปแช่ตู้เย็นก่อนที่คุณจะนอนสัก 1-2 ชั่วโมง โดยเอาถุงพลาสติกคลุมไว้ก่อนแช่ในตู้เย็น เพื่อไม่ทำให้หมอนชื้นหรือเปียกจากไอเย็นน้ำแข็ง หรือจะจัดเต็มแบบครบเซตด้วยการเอาผ้าปูที่นอนหรือผ้าห่มผืนบางๆ ไปแช่ตู้เย็นด้วย แต่อย่าลืมเอาถุงพลาสติกคลุมทุกครั้ง จะได้ไม่เปียกชื้นจนเกินไป ซึ่งวิธีนี้อาจจะทำให้คุณเย็นได้เพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่เอาหมอนหรือผ้าห่มออกมาจากตู้เย็น ดังนั้นต้องรีบทำเวลาหน่อย
       
       5.เพิ่มความชุ่มชื่นด้วยผ้าม่าน
       
       ฉีดน้ำเย็นๆ ลงบนผ้าม่าน หรือผ้าผืนบางๆ พอหมาดๆ จากนั้นนำไป แขวนไว้ตรงหน้าต่างที่เปิดอยู่ เวลาที่ลมพัดผ่านเข้ามาจะได้รับความเย็นและความชุ่มชื่นจากผ้าที่ผึ่งไว้จะช่วยทำให้อุณหภูมิในห้องของคุณเย็นขึ้น
       
       6.ใช้วิธีอียิปต์โบราณ
       
       วิธีนี้เป็นวิธีการเก่าแก่ของชาวอียิปต์โบราณที่ใช้คลายคลามร้อนยามค่ำคืน เพียงแค่แช่ผ้าบางผืนใหญ่ หรือผ้าห่ม แช่ในน้ำเย็น จากนั้นนำไปผึ่งทิ้งไว้พอหมาดๆ แต่ไม่แห้ง และไม่เปียกจนมีน้ำหยดเป็นอันใช้ได้ นำผ้าห่มมาคลุมตัวคุณไว้ตอนนอน จะช่วยให้ร่างกายของคุณเย็นขึ้น
       
       หรืออีกหนึ่งวิธีที่ที่เป็นที่นิยมคือ การนำแพคน้ำแข็งมาวางไว้บนศีรษะ หรือข้อมือของคุณก่อนนอน จะช่วยให้คุณเย็นสบายขึ้น และต้องให้แน่ใจว่าแพคน้ำแข็งไว้อย่างดีไม่หยดจนเปียก หรือจะเป็นถุงเท้าชุบน้ำพอหมาดๆ สวมก่อนนอนก็เย็นดีไม่น้อย 



7.ระบายความร้อนออกนอกห้อง
       
       เป็นการครีเอทโดยใช้หลักการถ่ายเทความร้อน จากในห้องออกไปด้านนอก โดยการเปิดพัดลมตั้งโต๊ะแล้วหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างเพื่อเป็นการระบายความร้อน จากนั้นให้เปิดพัดลมเพดาน เพื่อเป็นการหมุนเวียนอากาศ ดึงความร้อนขึ้น และพัดออกไปโดยพัดลมตั้งโต๊ะตรงหน้าต่าง เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้ห้องของคุณเย็นขึ้น 

จับแล้ว! ทหารไม่ใส่หมวกกันน็อค ด่าตำรวจ นายกสั่งการณ์เอง


"ขัง 15 วัน ทหารไม่สวมหมวกกันน็อค"
 
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) สั่งการให้หาตัวทหารในคลิปที่ไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ จ.สุรินทร์ หลังจากไม่สวมหมวกกันน็อคและไม่มีใบขับขี่ โดยพูดท้าทายตำรวจว่าให้เข้าไปเจอกันในกรม เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็น ส.อ.ประวิทย์ คลายโศก (ทหารบกจังหวัดสุรินทร์) ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งการให้เข้าไปจับมือขอโทษกับเสียค่าปรับให้ถูกต้อง เนื่องจากทหารกับตำรวจร่วมมือกันทำงานเพื่อบ้านเมืองมาโดยตลอด ไม่อยากให้เสียหายเพราะคนๆเดียว นอกจากนี้ พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง (แม่ทัพภาคที่ 2) สั่งลงโทษขัง ส.อ.ประวิทย์ คลายโศก 15 วัน เนื่องจากทหารต้องรักษาวินัยและเป็นตัวอย่างที่ดี


วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

อวสานเมียน้อย! เมื่อเมียหลวงรุมทำร้ายเมียน้อย จับแก้ผ้าประจาน [ชมคลิป]


  เว็บไซต์แอปเปิ้ลเดลีของฮ่องกง รายงานว่าชาวเน็ทต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนท้องถนนในประเทศจีน เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นเมียน้อย ถูกเมียหลวงกับพวกรุมทำร้ายร่างกาย ตบตีและถอดเสื้อผ้าออกจนเห็นชุดชั้นในกลางที่สาธารณะ 
 จากคลิปเหตุการณ์ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดขึ้นที่เมืองใดของประเทศจีน เมียหลวงกับพวกรุมตบตีเมียน้อยที่นอนอยู่กลางถนนอย่างไม่มีทางสู้ พร้อมกับด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายมากมาย และยังได้กระชากเสื้อและกางเกงของหญิงเมียน้อยรายนี้จนเหลือเพียงชุดชั้นใน โดยไม่มีคนช่วยเหลือแต่อย่างใด 


 หลังจากมีผู้ถ่ายเหตุการณ์นี้และนำไปเผยแพร่ต่อในโลกออนไลน์ ทำให้มีผู้แสดงความคิดเห็นจำนวนมากไปในหลายด้าน บางคนก็คิดว่าถึงแม้เมียน้อยจะผิด แต่ก็ไม่ควรถูกกระชากเสื้อผ้าในที่สาธารณะให้ได้รับความอับอาย ขณะที่บางคนให้ความเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นสมควรแล้ว เพราะเมียน้อยคือผู้ทำลายความสงบสุขของครอบครัว 

แม่ใจสลาย! เมื่อลูกชายผูกคอตาย เหตุเพราะฝันเห็นพ่อที่ผูกคอตายมาหา


เวลา 06.30 น. วันที่ 21 เม.ย. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด นครพนม รายงานว่า ร.ต.ท.พรชัย ดลรัศมี ร้อยเวร สภ.ศรีสงคราม รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอตายภายในป่าสวนยางท้ายหมู่บ้าน ต.ศรีสงคราม รุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร ร.พ.ศรีสงคราม กู้ชีพเทศบาล ต.ศรีสงคราม

 ที่เกิดเหตุห่างจากหมู่บ้าน บ.หนองบาท้าว หมู่ 2 ประมาณ 1 กิโลเมตร พบศพนายไกรวุฒิ ไชยรินทร์ อายุ 32 ปี อาชีพกรีดยางพารา อยู่หมู่ 2 ต.ศรีสงคราม สภาพศพสวมเสื้อยืดสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ใช้เชือกไนล่อนยาว 2 เมตร ผูกคอตายกับต้นยางพาราสูง 10 เมตร ที่บริเวณลำคอเขียวคล้ำ ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด แพทย์ระบุว่าขาดอากาศหายใจนานกว่า 1 ชั่วโมง


 สอบสวนนางพูน  วัย 54 ปี มารดา ให้การว่า บุตรชายป่วยกินยาจิตเวช หลังเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มเมื่อปี 2557 ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน มีอาการปวดหัว ก่อนเกิดเหตุ 3 วัน บุตรชายได้เล่าความฝันให้ฟังว่า ฝันเห็นแสงของบิดาตัวเองลอยมาหา หลังบิดาผูกคอตายคาขื่อที่บ้านพักเมื่อปี 2552 ก่อนนั่งซึมเศร้าไม่ยอมพูดคุยกับใครมา 2 วัน


มารดาผู้ตาย ระบุด้วยว่า ช่วงสายวันนี้ ตนตั้งใจจะพาบุตรชายไปหาหมอรับยาที่โรงพยาบาลจิตเวชราชนครินทร์ในตัวจังหวัด กระทั่งเช้าตรู่ลูกชายถือเชือกกับมีดพร้าเดินหายออกไปจากบ้านนานร่วม 1 ชั่วโมง  จึงออกตามหากระทั่งพบเป็นศพดังกล่าว ญาติไม่ติดใจสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป  



เตือน! ฝังแร่จีน ไม่ช่วยแก้มะเร็ง แต่กลับอันตรายกว่าที่คิด อันตรายแค่ไหนไปดู

สธ.เตือนอันตรายฝังแร่เมืองจีนรักษาโรคมะเร็ง หลังมีผู้ป่วยชาวไทยนิยมไปฝังเข้าร่างกายชี้นอกจากกัมมันตรังสีจะแพร่คนรอบข้างแล้ว อาจเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดซ้ำ ฝังแร่ทำให้ก้อนเนื้อร้ายลดลงแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ตัวเซลล์มะเร็งไม่ได้ตายไปด้วย อธิบดีกรมการแพทย์ขอให้ผู้ไปรักษาที่จีนให้รีบแจ้งชื่อด่วน ล่าสุดพบ 35 ราย แต่มีอีกหลายรายยังไม่แจ้ง เผยในไทยก็ใช้วิธีฝังแร่เหมือนกัน แต่เป็นแบบชั่วคราว มีอุปกรณ์ป้องกันได้มาตรฐานสากล



เมื่อวันที่ 20 เม.ย. นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีที่มีคนไทยเดินทางไปฝังแร่ไอโอดีน 125 ที่โรงพยาบาลรักษามะเร็งฟูด้า กว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อรักษาโรคมะเร็ง ว่าขอแนะนำให้ประชาชนที่ไปฝังแร่ให้มาแสดงตัวต่อร.พ.ในพื้นที่ เพื่อหาปริมาณรังสีว่ามีค่าเกินมาตรฐานหรือไม่ และเพื่อรับคำแนะนำต่อถึงแนวทางปฏิบัติต่อไป เพราะสารกัมมันตรังสีที่อยู่ในตัวผู้ไปฝังแร่สามารถแพร่ออกมาได้ โดยอันตรายของแร่ขึ้นอยู่กับปริมาณกัมมันตรังสี เช่น ในระยะแรกจะมีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ ส่วนระยะยาวรังสีจะไปกดไขกระดูก ทำให้ไขกระดูกไม่ทำงาน และในระยะยาวจะส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งในเม็ดเลือดได้



นพ.สุพรรณกล่าวว่าผู้ที่ไปรักษาส่วนใหญ่จะเป็นพวกมะเร็งระยะสุดท้ายที่หวังให้ก้อนเนื้อลดลง อาจลดลงแต่อาจเป็นการลดลงเพียงชั่วคราว แต่ตัวเซลล์มะเร็งไม่ได้ตายไปด้วย ขอย้ำเตือนว่าเมื่อไปรักษามาแล้วต้องแจ้งประวัติที่แท้จริงว่าไปรักษาที่จีนหรือไม่ เนื่องจากบางร.พ.ที่มีหน่วยรังสีบำบัดจะมีเครื่องมือตรวจวัดค่า ขณะนี้มีผู้ป่วยที่ไปฝังแร่และแจ้งชื่อเข้ามานั้นมีคนไข้เข้ามารักษาและแจ้งว่าเคยไปฝังแร่ 35 ราย แต่ยังมีอีกหลายรายที่ไม่ยอมแจ้ง และรังสีอาจส่งผลกระทบต่อคนรอบ ข้างได้



ขณะที่นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผอ.ร.พ. มะเร็งลำปาง กล่าวว่าการรักษามะเร็งด้วยการฝังแร่นั้น ในประเทศไทยจะเป็นแบบไม่ถาวร หรือเรียกว่าใส่แร่แบบชั่วคราว โดยปกติใช้เฉพาะการรักษามะเร็งปากมดลูก จะฝังประมาณ 10-15 นาที เพื่อเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งแล้วจึงเอาออก ระยะเวลาในการฝังแร่อยู่ที่ระยะของโรคมะเร็งด้วย โดยแพทย์จะเป็นผู้คำนวณระยะเวลา สำหรับการใส่แร่แบบชั่วคราวมีการดำเนินการที่ปลอดภัย เนื่องจากใช้เครื่องใส่แร่แบบอัตโนมัติ ระหว่างการใส่แร่ แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่จะอยู่นอกห้อง ไม่ได้รับอันตรายจากการใส่แร่ และเมื่อใส่แร่เสร็จแล้วเครื่องจะถอนแร่ออกมาจากร่างกายแล้วนำไปเก็บในอุปกรณ์ป้องกัน หลังจากใส่แร่เสร็จแล้วผู้ป่วยกลับบ้านได้ทันที ไม่ส่งผลกระทบอันตรายต่อคนรอบข้าง



ผอ.ร.พ.มะเร็งลำปางกล่าวต่อว่า ส่วนการฝังแร่แบบถาวรในประเทศไทย พบว่าทำได้ในการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก ด้วยการใช้แร่ไอโอดีน 125 มีโรงเรียนแพทย์บางแห่งดำเนินการ การฝังแร่แบบถาวรที่ต่อมลูกหมากถือว่ามีความปลอดภัย เพราะฝังลึกเข้าไปในร่างกาย และใช้จำนวนที่น้อยมาก จึงไม่ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง ไม่เหมือนการนำมาฝังที่ปอด หรือตับ ประเทศไทยยังไม่มีการรักษาเช่นนี้ ส่วนร.พ.มะเร็งลำปางยังไม่ใช้วิธีฝังแร่ถาวรที่ต่อมลูกหมาก เนื่องจากแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ และต้องพิจารณาจำนวนคนไข้ด้วย



"อานุภาพหรือความแรงในการแผ่รังสีของแร่ขึ้นอยู่กับขนาด ชนิด และอายุครึ่งชีวิตของแร่ด้วย แต่ละประเภทจะแตกต่างกันไป เช่น โคบอลต์ ซีเซียม ไอโอดีน 125 เป็นต้น สำหรับระยะที่ปลอดภัยจากแร่กัมมันตรังสีที่ใช้ในการรักษามะเร็งนั้นอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร ระหว่างการรักษาบุคลากรทางการแพทย์จะป้องกันการสัมผัสรังสีของแร่ด้วยเครื่องกำบัง มีฉากตะกั่ว หรือสวมเสื้อตะกั่วในการป้องกัน" นพ.สมเกียรติกล่าว



ส่วนนพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยา ศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่าขณะนี้รมช.สาธารณสุข มอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทำหนังสือ 2 ฉบับคือ 1.ให้ร่วมกับสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ทำหนังสือถึงทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ เพื่อให้ทราบถึงปัญหาที่ประเทศไทยกังวล และขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบความปลอดภัยจากการรักษาด้วยรังสี และ 2.มอบหมายให้ทำหนังสือถึงร.พ.รักษามะเร็งฟูด้า กว่างโจว เพื่อขอรายชื่อผู้ป่วยไทยที่ไปรักษาที่จีนว่ามีกี่ราย เป็นใคร เนื่องจากทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะประสานให้สถาบันมะเร็งแห่งชาติติดตามรายชื่อดังกล่าว เพื่อนำมาตรวจหาค่าปริมาณรังสี และอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยหนังสือทั้ง 2 ฉบับ อยู่ระหว่างส่งถึงนพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข เพื่อลงนามและส่งถึงแต่ละแห่ง คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะแล้วเสร็จ



ขณะเดียวกัน นายกิตติศักดิ์ ชินอุดมทรัพย์ รองเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่ากัมมันตรังสี ไอโอดีน 125 เป็นแร่ที่มีใช้งานในประเทศไทยเหมือนกัน ใช้สำหรับรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก แต่ไทยมีระเบียบปฏิบัติ หรือข้อควบคุมป้องกันในการใช้ที่เป็นสากล ร.พ.ยึดข้อปฏิบัติตรงนี้เป็นเกณฑ์มาตลอด ไม่มีปัญหาอะไร มีการขออนุญาตนำเข้าสารรังสีและขออนุญาตใช้ เมื่อฝังไอโอดีน 125 ในร่างกายผู้ป่วยแล้ว ก่อนออกจากร.พ.ต้องวัดการแผ่รังสีว่าต้องไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เป็นอันตรายต่อสาธารณชน หรือบุคคลใกล้ชิด ปัญหาคือผู้ป่วยที่รับการรักษาที่ประเทศจีน ไม่แน่ใจว่าปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เป็นสากลหรือไม่ เพราะกรณีที่พบผู้ป่วยล่าสุดมีปริมาณรังสีสูง อาจเกิดจากการรับการฝังแร่แล้วแพทย์ให้กลับบ้านเลย



รองเลขาฯสำนักปรมาณูเพื่อสันติกล่าวต่อว่าไอโอดีน 125 จะถูกบรรจุในโลหะไทเท เนียมอีกทีหนึ่ง ขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าว ที่ผ่านมาไทยใช้ไอโอดีน 125 รักษามะเร็งในต่อมลูกหมากเท่านั้น อวัยวะอื่นยังไม่พบ โดยแพทย์จะสำรวจว่าจะใช้แร่จำนวนเท่าไหร่ จากนั้นนักฟิสิกส์จะเป็นคนวางแผน คำนวณขนาดรัศมีของรังสีเพื่อกำหนดจุดวางก้อนแร่ในการรักษา ไทยใช้กัมมันตรังสี 2 ชนิดรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก คือไอโอดีน 125 และพาลาเดียม 103



"หากปฏิบัติตามมาตรฐานสากล วิธีการรักษาแบบนี้ปลอดภัย.0แน่ แต่ที่จีนไม่ทราบว่าเป็นมาตรฐานสากลหรือไม่ อย่างน้อยคนไข้อาจต้องแจ้งเตือนให้แพทย์ในไทยรู้ว่าไปทำอะไรมา จะได้ตรวจสอบได้เบื้องต้น แต่ส่วนมากตรวจพบโดยบังเอิญ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์และคนทั่วไปได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น หากปริมาณรังสีเกิน คนทั่วไปได้รับรังสี แต่จะไม่ถึงกับเสียชีวิต แต่ปกติเราไม่ควรได้รังสีโดยไม่จำเป็น ล่าสุดทางสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติประสานร.พ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีข้อมูลเพื่อหารือเรื่องนี้แล้ว และจัดทำแผ่นพับประชาสัมพันธ์ข้อมูลการรับมือสำหรับประชาชนทั่วไป ส่งให้ร.พ.หลายแห่งทั่วประเทศ เพราะไม่แน่ใจว่าผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีการฝังแร่ชนิดนี้เดินทางไปที่ใดบ้าง" นายกิตติศักดิ์กล่าว



รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ผู้ป่วยมะเร็งชาวไทย 7 คน ที่ไปฝังแร่ที่ประเทศจีน และเข้ารับการรักษาตัวที่ร.พ.ศิริราช ก่อนเสียชีวิตไปแล้ว 6 ราย